nooknazha โพสต์ 2020-4-12 04:07:06

[นิทาน] เรื่องที่ 5 พบพระแก่กายทิพย์ พวกบังบด ถ้ำแสงจันทร์ อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ

พบพระแก่กายทิพย์ พวกบังบด ถ้ำแสงจันทร์ อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ

บันทึก: ของนุ้ก 20 ก.พ. 2552

ผู้เล่าเดินทางขึ้นเขาพร้อมคณะ โดนเดินจากถ้ำวัวแดงไปถึงถ้ำแสงจันทร์จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ระยะทางปีนขึ้นลงเขาประมาณ 7 กิโลเมตร ต้องข้ามเขาทั้งหมด 4 ลูก รวมเวลาทั้งหมดในการผจญภัยครั้งนี้คือ 4 วัน 3 คืน

วันเริ่มออกเดินทางจาก้ำวัวแดงไปยังถ้ำแสงจันทร์ เป็นวันที่ 11 ก.พ. 2552 เวลา 8.30 น.
หลังจากที่พวกเราทานอาหารตอน 11 โมงเสร็จ ก็เริ่มออกเดินทาง ตอนแรกยังเดินเกาะกลุ่มเป็นแถวยาว ค่อยๆปีนขึ้นเขาแถว ทางขึ้นเขาเป็นดินฝุ่นสีแดงค่อนข้างลาดชัน และลื่นง่าย เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกลและตลอดทางจุดให้พักมีน้อย ให้บางคนจึงเริ่มหมดแรง

เริ่มมีการเว้นช่วงหยุดพัก ทำให้แถวเริ่มแตกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

กลุ่มคนที่เดินเร็วจะเดินนำกันไปก่อน(กลุ่มแรกนี้ไม่มีใครรู้ทางไป แต่มีสุนัขแสนรู้ซึ่งรู้ทางไปเดินนำทางให้)

กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่ผู้เล่าอยู่ คือเดินเร็วปานกลางก็จะอยู่ตรงกลาง(กลุ่มนี้ก็ไม่มีใครรู้ทางไปเช่นกัน อาศัยเดินตามรอยฝ่าหญ้าของพวกลุ่มหน้า) และรั้งท้ายด้วยคนกลุ่มที่เดินช้าคือพระอาหจารย์เดชฤทธิ์ พระอาจารย์ตือ ลูกหาบพี่บัติ ลุงบู่ แม่ชีนิ่ม และหลวงตา (กลุ่มหลังนี้ชำนาญทางกันเกือบทุกคน แต่เดินช้าเพราะต้องแบกของหนัก และส่วนใหญ่เป็นค่อนข้างมีอายุทำให้หยุดนั่งพักบ่อย)

- ยิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งทิ้งช่วงระยะห่างแต่ละกลุ่มกันมากขึ้น ป่าเริ่มรกชัฎทำให้เริ่มเดาทางยาก

กลุ่มหน้าที่ไม่มีใครรู้ทางอาศัยเดินตามสุนัขนำ แต่จู่ๆสุนัขนำทางวิ่งหายไปในป่ารก คนนำหน้าสุดไม่รู้ว่าสุนัขหายไปไหนแล้ว ไม่รู้จะไปทางไหนต่อกลัวยิ่งเดินจะยิ่งพากันหลง จึงตัดสินใจจึงหยุดพักข้างทางรอรวมกลุ่มกับพวกกลุ่มกลาง

แต่ไม่นานนัก กลุ่มหน้าก็มีพระแก่(ซึ่งเป็นพระแก่ที่มากับคณะ)มาช่วยเดินนำทางให้ คนกลุ่มหน้าลุกเดินกันไปต่อไม่รอรวมกลุ่มกับกลุ่มกลาง

- ในขณะเดียวกันกลุ่มกลางซึ่งไม่มีใครรู้ทาง เพราะการทิ้งระยะห่างกันไกล และป่ารกมาก ทำให้ไม่เห็นพวกคนท้ายแถวของคนกลุ่มหน้า สังเกตทางไปลำบาก จึงเริ่มปรึกษากันว่าจะหยุดพักรอให้คนกลุ่มหลังที่รู้ทางมาสมทบจะได้ไปพร้อมกัน

แต่ไม่นานนักคนกลุ่มกลางก็เห็นพระแก่(องค์เดียวกันกับที่กลุ่มแรกเห็น) อาสาเดินนำทางอยู่ข้างหน้าให้ กลุ่มของผู้เล่าจึงได้ออกเดินทางกันต่อ

- เมื่อกลุ่มผู้เล่า(กลุ่มกลาง) เดินฝ่าดงป่ามาถึงหน้าทางเข้าปากถ้ำแสงจันทร์ ก็ได้พบกับคนกลุ่มแรกที่นั่งรออยู่ก่อน จึงพักเหนื่อยคุยกัน รอให้กลุ่มสุดท้ายมาถึง จะได้าเข้าปากถ้ำพร้อมกัน

เมื่อกลุ่มสุดท้ายมาถึง ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นพระแก่(หลวงตาองค์ที่เป็นพระสงฆ์องค์จริง) เดินมากับกลุ่มสุดท้าย

ระหว่างทางผู้เล่าสังเกตว่าพระแก่ที่เดินนำทางหน้าสุด มีการพูดคุยกับคนในกลุ่มปกติ บางครั้งท่านจะเร่งว่า 'รีบไป เดี๋ยวจะไม่ทันมืด' พี่แก้วให้ยินชัดที่สุด พระแก่พูดเป็นภาษาไทยชัด เหมือนต้องการให้คนเมืองฟังเข้าใจ(ส่วนใหญ่ในกลุ่มเป็นคนกรุงเทพ) และรู้สึกว่าพระแก่องค์นี้มีใบหน้าผ่องผิดปกติ ทั้งที่ทุกคนกำลังเหนื่อยหอบ

ผู้เล่าได้คุยกับพระแก่องค์จริงที่มากับกลุ่มหลัง ปรากฏว่าท่านพูดภาษาคนเมืองไม่ชัด และพูดแต่ภาษาอีสาน ประกอบกับท่านเองก็เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเหมือนคนอื่นๆจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำทางให้ใครได้

จากเหตุการณ์พบพระแก่ผ่านไป ทำเอาทั้งคณะงงเป็นไก่ตาแตก สุดท้ายแล้วสรุปได้คือ มีพระแก่เพิ่มมา 2 องค์ (เพราะกลุ่มแรกที่เดินเร็วก็บอกว่าพระแก่เดินนำทางให้มาจนถึงหน้าปากถ้ำแล้วก็หายไป

กลุ่มกลาง(กลุ่มของผู้เล่า)ก็ยืนยันว่าพระแก่(องค์เดียวกัน)เดินนำทางให้ ถึงได้ตามกลุ่มแรกมาทัน

กลุ่มหลังก็บอกว่าพระแก่(องค์จริง)เดินอยู่ในของกลุ่มเขา ท่านนำทางไม่ได้เพราะท่านเพิ่งเคยมา จึงสรุปได้ว่ากลุ่มหลังเป็นพระแก่องค์จริง ส่วนกลุ่มแรกกับกลุ่มกลาง อาจจะได้พบพระแก่ที่ไม่ใช่มนุษย์เข้า

หลังคณะเดินมุดถ้ำแสงจันทร์เข้าไปจึงถึงใจกลางปล่องภูเขาไฟ และพากันจุดธูปขออนุญาตเจ้าป่าเจ้าเขา ขอให้ช่วยคุ้มครอง และขออยู่พักตามเวลาที่กำหนดแล้วจะย้ายออก

หลังจากนั้นจึงแยกย้ายจัดเตรียมที่พักและช่วยกันทำอาหาร
บันทึกย่อ:
- กลางคืนดาวที่นี่สวยมาก ลิงเยอะมาก แต่แค่ส่งเสียงร้อง ไม่กล้าเข้ามารบกวนหรือมาขโมยของๆคณะ
- มีชาวบังบดเยอะ ตลอด 3 วันได้ยินเป็นเสียงคนเรียก คนทัก คนคุยกัน แต่หันมองหา กลับไม่เห็นใคร
- คืนวันสุดท้ายก่อนกลับ ประมาณเที่ยงคืน ผู้เล่านอนดูดาวอยู่ ทุกคนหลับหมดแล้ว มีชายกลุ่มนึงประมาณ 3 คน เดินมานั่งใกล้ๆหัวของผู้เล่า ส่วนหลังของชายคนนึงในกลุ่มเกือบเอนมาพิงหัวผู้เล่า คุยกันเสียงดังมากแบบไม่มีความเกรงใจคล้ายภาษาอีสาน แต่กลับฟังไม่ออกสักคำ เลยคิดว่าเป็นภาษาท้องถิ่น อย่างภาษากระเหรี่ยงจึงไม่ได้สนใจ

ตอนแรกผู้เล่าเข้าใจว่าคงเป็นพวกลูกห่ามชายมาเฝ้ายาม แต่จะนั่งคุยกันใกล้หัวผู้เล่าไปไหม อีกใจรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่ทำอะไร เพราะความเชื่อคืนสุดท้ายในป่าต้องระวังภัยจากอาถรรพ์ของป่าเป็นพิเศษ ถ้าไม่ใช่คนเฝ้า ก็คงพวกบังบด กลุ่มของผู้มาเยือนก็ดูไม่เป็นอันตราย ผู้เล่าจึงนอนฟังเสียงคุยกันไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้ความหายจนหลับไป

ตอนเช้าผู้เล่าตื่นแล้วจึงลองไปถามลูกห่ามว่าคุยเรื่องอะไรกันตรงใกล้ๆหัวนอนผู้เล่า ปรากฏว่าลูกห่ามทุกคนส่ายหน้า บอกว่าทุกคนง่วงหลับไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว อากาศเย็นทำให้หลับง่าย

- หลังทานอาหารมื้อสุดท้ายร่วมกันเสร็จ มีฝูงผึ้งบินลงมาเยอะมากน่าจะเป็นหมื่นตัวได้ แม่ชีที่เคยมาที่นี่ รีบเตือนทุกให้รีบเก็บสัมภาระ บอกว่า "ถ้าฝูงผึ้งลง.. คือสัญญาณเจ้าป่าเจ้าเขาเตือนว่าได้เวลาเดินทางกลับ ให้รีบลงเขาก่อนเที่ยง"

ขอจบบันทึกแต่เพียงเท่านี้...

edit @ 2 Jul 2010 12:42:40 by NOOKFUFU2


หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: [นิทาน] เรื่องที่ 5 พบพระแก่กายทิพย์ พวกบังบด ถ้ำแสงจันทร์ อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ